ตลาดในปัจจุบันเมื่อคุณมีสินค้าและบริการ เป็นไม่ได้เลยที่คุณจะทิ้งช่องทางออนไลน์
เพราะช่องทางออนไลน์ มีความเป็นได้ที่ไม่สิ้นสุดขึ้นอยู่ที่คุณจะเลือกลงแรง ลงทุน ถูกที่และถูกเวลา
แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่า ช่องทางไหนดีที่สุด คำตอบคือไม่มีทางรู้ได้เลย ถ้าคุณไม่ได้ลองตลาด ไม่มีการ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ไม่มีการเคราะห์กลุ่มลูกค้าของคุณ
ในปัจจุบันโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มมีผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยมารวมตัวอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นสังคมใหม่ และเป็นแหล่งซื้อขายที่แม่ค้าออนไลน์ใช้หาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของตนเองได้ง่าย ๆ โดยแหล่งซื้อขายที่แม่ค้าออนไลน์ใช้ค้นหาลูกค้ามีอยู่ 7 แพลตฟอร์มหลักที่คนทั้งโลกนิยมใช้ โดยสามารถเริ่มปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ทันที ดังนี้
ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ดึงดูดคนทุกวัยมาเปิดบัญชีใช้งาน และเป็นแหล่งซื้อขายบนโลกออนไลน์แรกที่ทุกคนนึกถึง ซึ่งวิธีการหาลูกค้าใน Facebook ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
การตั้งกลุ่มขึ้นมาเองหรือเข้าไปที่กลุ่มซื้อขายที่มีลูกค้าเป้าหมายของเราอยู่ คืออีกวิธีที่แม่ค้าออนไลน์ทุกคนใช้เข้าหาลูกค้า ซึ่งเราสามารถขายของในกลุ่มเฟซบุ๊กได้ 2 วิธีคือการโพสต์สินค้าลงในกลุ่มเฟซบุ๊กต่าง ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายเพิ่มมากขึ้น เพราะกลุ่มเหล่านั้นจะรวมคนที่มีความสนใจหรือความชอบที่เหมือน ๆ กัน ไว้ด้วยกัน ยิ่งถ้าเพจเฟซบุ๊กของเรายังมีผู้ติดตามจำนวนน้อย ก็โพสต์สินค้าของเราเพื่อชักชวนให้ลูกค้าให้มากดไลก์เพจหรือติดตามเพจของเราได้ด้วยไลฟ์สด (Live) เพื่อขายของให้กับคนที่ชื่นชอบสินค้าของเรา โดยจะต้องเลือกช่วงเวลาการไลฟ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มคนที่เราต้องการขาย ถ้าเราแชร์ไลฟ์สดของเราได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โอกาสที่เราจะขายของได้ก็มีสูงเช่นกัน
เป็นโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่ขึ้นชื่อเรื่องการขายของอยู่แล้ว เพราะถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบถ่ายรูปและชอบดูภาพ ถ้าเรามีสินค้าอยู่แล้ว สามารถนำภาพถ่ายสินค้ามาลงขายที่ Instagram ได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยตั้งชื่อร้านให้เหมือนกับชื่อร้านใน Facebook และถ้าอยากให้ร้านใน Instagram ดูน่าสนใจและดูพรีเมี่ยม เราต้องมีทักษะในการถ่ายภาพสินค้าให้ออกมาดูดี เพราะกลุ่มลูกค้าใน Instagram มักจะตัดสินใจซื้อจากรูปภาพที่พวกเขาเห็น นอกจากนี้การโพสต์ขายสินค้าก็ควรใส่ # (Hashtag)เพื่อระบุความเกี่ยวข้องกับสินค้าไว้ด้วย เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่จะค้นหาสินค้ากันด้วย # (Hashtag)
ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์นั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ E-Commerce ได้กลายเป็นตลาดนัดที่เปิดให้เลือกซื้อของตลอด 24 ชม. สะดวกตอนไหนก็ซื้อได้ตอนนั้นเลยทันที จึงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่แม่ค้าออนไลน์ใช้เปิดร้านค้าออนไลน์ขายสินค้า เช่น LAZADA และ Shopee ที่ทำหน้าที่ขายของแทนเราได้แม้ในยามที่เรานอนหลับอยู่ก็ตาม เช่น การเก็บค่าสินค้า เป็นต้น วันนี้ถ้าเราอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ แพลตฟอร์มแบบ E-Commerce ถือว่าตอบโจทย์การขายของออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
TikTok ถือเป็นโซเชียลมีเดีย ที่มาแรงมากในยุคนี้ ทำให้การขายของใน TikTok กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้แบบเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งการสร้างคอนเทนต์บนติ๊กตอก และการยิงแอด TikTok ล้วนเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ทำยอดขายบนแพลตฟอร์มนี้ได้ เพราะว่ากลุ่มลูกค้าที่ต้องการรับชมวิดิโอสั้นๆ เน้นกระชับ จึงเป็นตลาดใหม่ที่สามารถขายของ พร้อมแสดงสินค้าของคุณได้
หลายต่อหลายครั้งที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามาสอบถามสินค้าหรือได้ตัดสินใจซื้อแล้วผ่านทาง Facebook และ Instagram แต่เราไม่สามารถทำให้เขากลับมาซื้อซ้ำได้ และไม่สามารถเก็บลูกค้าคนนั้นไว้ได้ จึงทำให้แม่ค้าทั้งหลายเหนื่อยกับการที่ต้องคอยหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอ ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเราเลือกใช้ Line Official Account หรือ Line OA เป็นช่องทางหลักในการติดต่อซื้อขาย และเป็นผู้ช่วยในการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าของเราทั้งเก่าและใหม่ เพราะ Line เป็นแอปพลิเคชันสำหรับการสื่อสารที่คนไทยนิยมใช้กัน ทริคเด็ดที่จะ Line OA ของเรา คือ เวลาที่เขียน caption หรือเขียนคำโฆษณาสินค้าบนช่องทางอื่น ๆ แนะนำให้ใส่ลิงก์บัญชี Line OA ของเราไปด้วย
เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เป็นพื้นที่สำหรับการหาลูกค้าที่ชื่นชอบการดูคอนเทนต์จากวิดีโอเป็นหลัก การอัปวิดีโอลง Youtube นอกจากจะได้ฐานลูกค้าในแพลตฟอร์มนั้นแล้ว เรายังสามารถนำลิงก์วิดีโอของ Youtube ไปโพสต์ที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้เช่นกัน และทริคขายของสำหรับการหาลูกค้าใน Youtube นั้น เราต้องทำคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับลูกค้าเป็นหลัก เพื่อดึงพวกเขาเข้าไปติดตาม Facebook และ Instagram ด้วย
เป็นแพลตฟอร์มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ที่เน้นลูกค้าที่ชอบอ่านข้อความสั้น ๆ และโดนใจ และทริคในการโปรโมทร้านและขายของใน Twitter คือการติด Hashtags ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของเรา เพราะลูกค้าชอบค้นหาความสนใจจาก Hashtag หรือถ้าเราเขียน caption ก็ต้องเขียนให้สั้นและเขียนกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการคลิก เช่น คลิกเลย! สนใจคลิกที่นี่! เป็นต้น
ในปัจจุบัน ใคร ๆ ก็สามารถขายของได้โดย ไม่มีหน้าร้านไม่เสียค่าเช่าที่ เพียงคุณมีอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ มีสินค้าที่พร้อมจะตอบโจทย์ของลูกค้า เพียงคุณเลือก เครื่องมือหรือช่องทางที่เหมาะสมกับคุณก็สามารถขายของได้